“รั้วบ้าน” เป็นสิ่งที่บ่งบอกขอบเขตความเป็นเจ้าของระหว่างที่ดินสองแปลง แต่หากรั้วเกิดการ ทรุด แตกร้าว หรือเอนพัง อาจนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่างเพื่อนบ้านได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความเสียหายข้ามเขตที่ดิน การเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรั้วบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของบ้านทุกคนควรรู้
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ระบุว่า “รั้วหรือกำแพงที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตที่ดินถือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของเจ้าของที่ดินทั้งสองฝ่าย” ดังนั้นหากรั้วทรุดหรือชำรุดจากการใช้งานตามปกติ เจ้าของที่ดินทั้งสองมีหน้าที่ร่วมกันในการซ่อมแซมหรือบูรณะ
แต่ถ้ารั้วอยู่ ในขอบเขตของที่ดินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน รั้วนั้นถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินฝั่งนั้นโดยเฉพาะ และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมเอง
หากรั้วทรุดจนพังล้มไปโดนบ้านหรือทรัพย์สินของเพื่อนบ้าน เช่น รถยนต์หรือกำแพงอีกฝั่งพังเสียหาย เจ้าของรั้วต้อง รับผิดชอบตามกฎหมายเรื่องละเมิด (มาตรา 420) เพราะถือว่าเกิดความประมาทเลินเล่อในการดูแลทรัพย์สินของตน
ดังนั้น เมื่อพบว่ารั้วเริ่มทรุดหรือแตกร้าว ควรรีบซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจนำไปสู่คดีความได้
หากรั้วเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม การจะซ่อมหรือรื้อเปลี่ยนใหม่ควร แจ้งและขอความยินยอมจากเพื่อนบ้านก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการบุกรุกหรือทำให้เกิดความไม่พอใจ นอกจากนี้ หากรั้วมีความสูงเกิน 2 เมตร ต้องขออนุญาตก่อสร้างกับทางเทศบาลหรือ อบต. ตาม กฎหมายควบคุมอาคาร
รั้วทรุดส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาดินอ่อนหรือฐานรากไม่ได้มาตรฐาน เจ้าของบ้านควรเลือกใช้ เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง หรือไมโครไพล์ ในการทำฐานรั้ว เพื่อป้องกันการทรุดในระยะยาว และควรตรวจสอบสภาพรั้วปีละ 1–2 ครั้ง
รั้วทรุดไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความสวยงามหรือความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ ข้อกฎหมายและความรับผิดชอบร่วมกันของเจ้าของที่ดิน การรู้สิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายจะช่วยป้องกันข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
หากคุณกำลังประสบปัญหา รั้วทรุด รั้วแตกร้าว หรือกำแพงเอน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมรั้วพร้อมตรวจสอบฐานราก เพื่อแก้ไขอย่างถูกวิธีและปลอดภัยตามกฎหมาย
https://shorturl.asia/cXh4T